Mojang ผู้พัฒนา Minecraft ได้ออกแถลงการณ์ประกาศว่าเกมของพวกเขาจะไม่รองรับ NFT ไม่ว่าจะ First หรือ Third-Party รวมไปถึงจะไม่รองรับระบบ Blockchain Technologies อื่นๆ อีกด้วย ซึ่งก็ตรงตามความต้องการของกลุ่มที่ต่อต้านระบบดังกล่าวที่มีจำนวนมากในสังคมเกม Minecraft โดยที่ Mojang ผู้พัฒนาประกาศการตัดสินใจครั้งนี้ในแถลงการณ์ว่าธรรมชาติของ NFT “ไม่สอดคล้องกับค่านิยม Minecraft ของการรวมตัวที่สร้างสรรค์และการเล่นด้วยกัน”


NFTs ยังคงเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันอยู่อย่างคึกคักในวงการอุตสากรรมเกมซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าจะถามในด้านใด ระบบดังกล่าวเป็นทั้งจุดเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ตใหม่ แต่ก็ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มว่ายังคงมองหาแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้จริง ในขณะที่อีกด้านหนึ่งระบบดังกล่าวนี้ถูกมองว่าเป็นเพียงการหลอกลวงขนาดมหึมาของกลุ่มคนไม่กี่คน แต่ที่แน่ๆ ระบบหรือเทคโนโลยีดังกล่าวนี้น่าจะค่อยๆ เข้ามากลืนกินตลาดนักเล่นเกมแน่ๆ ในอนาคต และเกมดังๆ ในตลาดก็จะค่อยปรับตัวเข้ากับแนวโน้มดังกล่าวมากขึ้น แต่ก็ยังมีผู้พัฒนาเกมดังบางเกมที่ยังมองว่าระบบดังกล่าวนั้นไม่เหมาะสมกับเกมของพวกเขาซึ่ง Mojang ก็คือหนึ่งในนั้น
ตามคำชี้แจงของ Mojang เงื่อนไขการใช้งานของ Minecraft อนุญาตให้เจ้าของเซิร์ฟเวอร์เรียกเก็บเงินจากผู้เล่นอื่นในการเข้าถึงได้บ้างตามเงื่อนไขที่เหมาะสม โฮสต์เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ต้องให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึงเนื้อหาเดียวกันได้ สตูดิโออธิบายว่านโยบายนี้เกิดจากความปรารถนาของ Mojang ในการทำให้ Minecraft มีความปลอดภัยและครอบคลุมมากที่สุด อย่างไรก็ตาม NFTs เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นภายในสังคมเกมเนื่องจากการขาดแคลนทรัพยากร แต่ทาง Mojang รู้สึกว่ามันขัดกับหลักการโดยรวมของเกม ดังนั้น Mojang จึงตัดสินใจแบนเทคโนโลยี Blockchain ทั้งหมดจาก Minecraft เซิร์ฟเวอร์ อีกทั้งแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นหรือ Third-Party ทั้งหมด เช่น mods, skins, worlds, และ persona items. นอกจากนี้ Mojang ตั้งข้อสังเกตว่าหลายบริษัทได้เผยแพร่ NFT ของ worlds และ skins ของ Minecraft สตูดิโอยังรับทราบถึงความเป็นไปได้ของการใช้งาน NFT อื่นๆ เช่น ของสะสม รางวัลในเกม และรางวัลนอกเกม อย่างไรก็ตาม Mojang เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ละเมิดทัศนคติของสตูดิโอที่มีต่อ Minecraft




Mojang ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของ NFT ที่เกี่ยวข้องกับ Minecraft ของบริษัทอื่นในรูปแบบ Third-Party โดยตั้งข้อสังเกตว่า NFT บางส่วนต้องพึ่งพาผู้จัดการสินทรัพย์ที่อาจหายไปโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่ผู้ขายจะผลักดัน NFT ที่ฉ้อโกงหรือตีราคาสูงเกินไปให้กับผู้ซื้อที่ไม่ทันสงสัย ในขณะที่ Mojang ก็ตระหนักดีว่าผู้เล่น Minecraft มีสิทธิ์ที่จะได้รับผลกำไรจากการสร้างสรรค์ในเกม แต่บริษัทไม่คิดว่า NFT เป็นวิธีที่เหมาะสมในการอำนวยความสะดวกอย่างแท้จริงและปลอดภัย
ทั้งนี้ทั้งนั้นคำแถลงของ Mojang ไม่ได้กล่าวถึงข้อกล่าวหาที่มักเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งว่า NFTs เป็นการหลอกลวงในตัวมันเอง ซึ่งก็ตรงกับ Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้งของ Microsoft ที่มีความเห็นดังกล่าวเช่นเดียวกันนี้เมื่อเดือนที่แล้วไว้โดย “อิงจากทฤษฎี Greater Fool Theory 100%” สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับแนวคิดนี้ ทฤษฎี Greater Fool คือแนวคิดของ “คนโง่” ที่รู้เท่าทันและซื้อสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงเกินไปโดยหวังว่าจะขายมันเพื่อผลกำไรให้กับ “คนที่โง่กว่า” อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่แบบจำลองที่ยั่งยืนสำหรับตลาด NFT เนื่องจากต้องอาศัยนักลงทุนรายเดิมที่สามารถหาผู้ซื้อที่เต็มใจได้เสมอ
ไม่ชัดเจนว่าการตัดสินใจของ Mojang ได้รับอิทธิพลจากความคิดเห็นจากผู้ร่วมก่อตั้งของ Microsoft หรือไม่อย่างไร แต่ก็จะไม่น่าแปลกใจเลยหากความคิดเห็นของ Bill Gates จะมีอิทธิพลกับการตัดสินใจครั้งนี้ ในท้ายที่สุดแม้ว่า Mojang จะบอกว่าอาจมีการพิจารณาจุดยืนของเทคโนโลยีดังกล่าวใหม่อีกครั้งในเงื่อนไขที่ว่าเทคโนโลยีบล็อคเชนพัฒนาขึ้นอย่างไร สตูดิโอจะไม่นำ NFT มาสู่ Minecraft เร็ว ๆ นี้
นั้นจากผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแม่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม จะไม่น่าแปลกใจเลยหากความคิดเห็นของเกตส์มีอิทธิพลบางอย่าง แม้ว่า Mojang จะบอกว่ามันอาจพิจารณาจุดยืนของมันใหม่ขึ้นอยู่กับว่าเทคโนโลยี Blockchain จะพัฒนาขึ้นอย่างไร ที่แน่นอนก็คือสตูดิโอจะไม่นำ NFT มาสู่ Minecraft ในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
ที่มา: https://gamerant.com