ยังคงกระทบกระเทือนแฟนเกมอย่างต่อเนื่องจากเหตุข้อพิพาทกันระหว่าง Epic Games กับทาง Apple ที่กำลังขึ้นศาลฟ้องร้องกันอยู่ในขณะนี้ ซึ่งส่งผลให้ Apple Store ถอดเกม Fortnite Battle Royale ออกจากร้านค้าไปก่อนหน้านี้ รวมไปถึง Unreal Engine ที่กำลังจะโดนไปด้วยแต่ยังถูกศาลคลุ้มครองชั่วคราวอยู่ แต่ตอนนี้รามมาถึง Fortnite: Save The World ที่เตรียมจะถูกลบออกจาก MacOS จากกรณีข้อพิพาทดังกล่าว
Epic Games กำลังเตรียมลบ Fortnite: Save The World ออกจากอุปกรณ์ Mac เนื่องจากข้อขัดแย้งทางกฎหมายกับทาง Apple โดยก่อนหน้านี้ Fortnite Battle Royale ก็ถูกลบออกไปจาก iOS App Store ไปเป้นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากเหตุแอบติดต่อซื้อขายกับผู้เล่นโดยตรงโดยไม่ผ่านร้ายค้าตามข้อกำหนด โดยทาง Epic ส่งเรื่องฟ้องศาลโดนอ้างว่า Apple นั้นทำการผูกขาดที่ไม่เป็นธรรมในแอพสโตร์ ในขณะที่ทาง Apple ก็โต้กลับโดยตั้งทนายความชั้นนำเพื่อฟ้องกลับ แถมยังขู่ว่าจะตัดสิทธิ์การเข้าถึงของนักพัฒนาของ Epic ทั้งหมดซึ่งจะทำให้ไม่สามารถอัปเดตและบริหารจัดการ Unreal Engine บน iOS ได้ ยังดีที่ศาลสั่งคลุ้มครองชั่วคราวในเรื่องนี้อยู่แต่ทาง Apple ก็ใช้แนวทางอื่นในการดำเนินการและสั่งห้ามเกม Epic ทุกเกมจาก iOS
หลังจากล้างทุกเกมของ Epic ออกจาก iOS หมดแล้วก็มาถึงคราวของ MacOS ที่ได้รับผลกระทบแล้วโดยทาง Epic Games ประกาศบนเว็บไซต์ Fortnite อย่างเป็นทางการว่า Apple ได้สั่งห้ามไม่ให้นักพัฒนาอัปเดตและดูแลเกมบนคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Mac เรียบร้อยแล้ว และ Epic จึงได้ประกาศเตรียมลบ Fortnite: Save The World สำหรับเครื่อง Mac แล้วทันทีในสัปดาห์หน้าโดยให้เหตุผลว่าพบข้อบกพร่องอย่างรุนแรงและ Apple ไม่อนุญาตเข้าไปจัดการข้อบกพร่องดังกล่าวได้ โหมดเกมทั้งหมดจะไม่สามารถใช้งานได้โดยสิ้นเชิงเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนเป็นต้นไป


แฟนเกม Fortnite: Save The World ฝั่ง Mac คงจะผิดหวังไม่น้อยสำหรับผลกระทบจากข้อพิพาทของทั้งสองฝ่ายซึ่งถึงแม้ว่าทาง Epic จะเสนอการคืนเงินเต็มจำนวนสำหรับทุกคนที่ซื้อเกมแบบ Founder Edition, Beginning Packs และผู้ที่ซื้อเกมในปีก่อนหน้านี้ หรือแม้แต่จ่ายคืนเป็น V-bucks ที่ใช้ในเกมอื่นของค่าย
ท้ายที่สุดแม้ว่าจะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกันทั้งสองฝ่ายจากทั้ง Apple และ Epic หรือผลของคดีสุดท้ายจะจบอย่างไร แต่ผลกระทบก้ตกอยู่กับผู้เล่นอยู่ดี ทั้งที่เกมควรเป็นโอกาสให้ผู้คนได้สนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับมัน
ที่มา: screenrant.com