หลังจากใช้เวลานานมากตั้งแต่เปิดตัว Game Trailer ครั้งแรกสำหรับเกม Fortnite: Save the World เมื่อปี 2011 ก่อนจะมาเปิดให้เข้าเล่นได้ในปี 2017 โดยที่ทีมพัฒนา Epic Games นั้นได้เคยสัญญาว่าจะเปิดให้เล่นแบบ free-to-play ในช่วงปี 2019 ซึ่งเมื่อถึงเวลาจริงกลับเปลี่ยนใจไม่เปิดเป็น free-to-play ดังที่เคยกล่าวไว้
แน่นอนว่าโดยทั่วไปแฟน ๆ จะรู้จักเกม Fortnite ในชื่อเกมสไตล์ Battle Royale Survivor ที่โด่งดังที่มีความนิยมสูงมากในระดับ Top 5 ของโลก สำหรับเกมแนวดังกล่าวนี้ โดยที่ส่วนน้อยมากที่จะรู้ว่าจริง ๆ แล้ว Fortnite: Save the World นั้นเปิดตัวครั้งแรกเป็นเกมสไตล์ Base Defence ที่มีศัตรูเป็นเหล่าซอมบี้มากมายที่บุกเข้ามาโจมตี แต่ด้วยกระแสเกมแนว Battle Royale กำลังมาแรงมาก ทีมพัฒนาจึงได้เปลี่ยนเกม Fortnite ที่เดิมเป็นสไตล์ Base Defence กลายมาเป็น Battle Royale Survivor เต็มรูปแบบแถมยังเปิดให้เล่นแบบ free-to-play กันไปเลย ซึ่งแน่นอนว่าได้รับความนิยมสูงสุด ๆ ถึงขั้นขึ้นอันดับหนึ่งของโลกในช่วงหลายเดือนแรกที่ตัวเกมเปิดให้เล่น และก็ยังได้รับความนิยมสูงมาอย่างต่อเนื่องมาขนถึงทุกวันนี้ ซึ่งทางทีมงาน Epic Games ก็ได้เก็บเอา Fortnite: Save the World ไว้เป็นทางเลือกรองสำหรับผู้เล่นที่ยังคงชื่นชอบเกมในสไตล์ต้นแบบนี้ ซึ่งยังคงพัฒนาเกมมาอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาในรูปแบบ Beta และยังเคยให้คำมั่นสัญญากับแฟนเกมด้วยว่าจะพัฒนา Fortnite: Save the World ให้เป็น free-to-play ในช่วงปี 2019 อีกด้วย
แต่เมื่อล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ทางเว็บไซต์ Epic Games ได้แจ้งข่าวการอัพเดท Fortnite: Save the World ซึ่งเปลี่ยนจาก Beta กลายมาเป็น “Early Access” ซึ่งตรงนี้ไม่มีข้อติดใจอะไรจากแฟนเกม แต่กลับมีข้อความต่อด้วยว่า “will remain a premium experience rather than going free-to-play.” (จะยังคงประสบการณ์ระดับพรีเมียมแทนที่จะไปเล่นฟรี) ซึ่งตรงนี้นั้นติดใจแฟน ๆ ของ Fortnite: Save the World เป็นอย่างมากเพราะผิดจากที่เคยสัญญาไว้ว่าจะเป็น free-to-play

Link ของ Epicgames epicgames.com
ใน Early Access ของ Fortnite: Save the World นั้นจะมีการอัพเดทตัวเกมและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Ventures และจะมีการลดราคาสินค้าภายในเกมบางรายการรวมไปถึงผู้ที่ซื้อ Founder’s Packs จะได้รับสิทธิ์ปลดล๊อคอุปกรณ์ Homebase Ultimate Edition และสิทธิ์เป็นเจ้าของ Metal Team Leader Pack บวกกับ 8,000 V-Bucks มาเป็นเจ้าของ
จากการคาดการณ์ของสื่อเกมซึ่งส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าทาง Epic Games นั้นจะเปลี่ยน Fortnite: Save the World ให้เป็นเกม free-to-play และหันมาทำการตลาดในแบบขายชุดตกแต่ง Skin ของตัวละครและอาวุธต่าง ๆ รวมไปถึงลาย Sticker และอุปกรณ์พรีเมี่ยมต่างเหมือนกับที่ทำการตลาดอยู่ใน Fortnite Battle Royale ซึ่งก็สร้างรายได้ให้กับทาง Epic Games ได้ดีมาตลอด แต่การกลับคำพูดจากที่เคยสัญญาว่าจะเป็น free-to-play มาเป็นการคงสถานะเกมเป็น Premium Product $20 อยู่นี้ อาจเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่างของทีมงานที่ยังคงสถานะเกม Fortnite: Save the World ไว้ดังเดิม ทั้งที่ก่อนหน้านั้นการพัฒนาเกมดังกล่าวนี้ก็ค่อนข้างช้า และฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ออกมาก็ไม่ได้สร้างแรงกระตุ้นให้แฟน ๆ หันกลับมาเล่นมากเท่าใดนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการผิดคำพูดต่อแฟนเกมครั้งนี้อาจส่งผลสุ่มเสี่ยงให้มีผู้เล่นส่วนหนึ่งของเกมดังกล่าวนี้ที่น้อยอยู่แล้วให้น้อยลงไปอีก ซึ่งท้ายที่สุดแล้วอนาคตของเกม Fortnite: Save the World จะเป็นอย่างไรต่อไปก็คงต้องคอยดูในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ที่มา Screenrant.com