หลังจากหันหลังลาออกไปจาก Blizzard หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของวงการเกมด้วยปัญหาและเหตุผลส่วนตัวไปเกือบ 7 ปี สำหรับ Chris Metzen ล่าสุดเจ้าตัวก็กำลังหวนคืนสู่ Blizzard อีกครั้งแล้ว โดยที่จะกลับเข้ามาร่วมงานในโปรเจ็กต์ World of Warcraft ในบทบาทที่ปรึกษา


Chris Metzen บุคคลากรระดับตำนานผู้ซึ่งทำงานอยู่กับ Blizzard ในตำแหน่งรองประธานอาวุโสฝ่ายการพัฒนา Story และ Franchise ของ Blizzard ซึ่งตัวเขาเองนั้นทำงานกับบริษัทมาอย่างยาวนานมากกว่า 20 ปี โดยเคยรับผิดชอบในจักรวาลเกม Diablo และ Starcraft ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ Warcraft ที่เขามีบทบาทสูงมาก แต่หลังจาก World of Warcraft: Legion เปิดตัวในปี 2016 นั้น Chris Metzen ก็ได้ประกาศลาออกจาก Blizzard เพื่อไปใช้ชีวิตกับครอบครัวมากขึ้น ที่สำคัญคือไปรักษาอาการสุขภาพจิตของเขาเองที่ได้รับผลกระทบจากการทำงาน แต่หลังจากผ่านไป 7 ปี ดูเหมือนว่า Metzen กำลังจะกลับมายังโลกที่เขาเคยช่วยสร้างอีกครั้งโดย John Hight รองประธานอาวุโสคนปัจจุบันและผู้จัดการทั่วไปของแฟรนไชส์ Warcraft ได้ประกาศผ่าน twitter ของการกลับมาของ Chris Metzen ที่จะดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความคิดสร้างสรรค์ โดยในช่วงแรก Metzen จะมาอยู่ในโปรเจ็กต์ World of Warcraft ไปก่อน และหลังจากนั้นก็จะขยายการทำงานไปท่โครงการในแฟรนไชส์ Warcraft อื่นๆ ด้วย
แม้จะออกจาก Blizzard ไปแล้วแต่ในความเป็นจริง Chris Metzen ก็ไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับ World of Warcraft ซึ่งเขาคนนี้นี่เองที่เป็นคนให้เสียงบรรยายของ Thrall ใน World of Warcraft: Battle for Azeroth ผู้ซึ่งเป็นบุตรของ Durotan ของ World of Warcraft ฉบับภาพยนตร์ และยังคงติดตามผลงานอื่นในแฟรนไชส์ไม่ว่าจะเป็น World of Warcraft: Dragonflight ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อไม่นานมานี้ รวมไปถึง Aurobouros: Coils of the Serpent เกมสไตล์ Table Top ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่โครงการแรกสำหรับ Warchief Gaming บริษัทที่เขาเองนั้นก่อตั้งขึ้นในปี 2020
ถือเป็นอีกหนึ่งความหน้าสนใจสำหรับการกลับมาของบุคคลากรระดับตำนานของ Blizzard ที่ในช่วงหลังเริ่มออกห่างจากความคลาสิกดั้งเดิมที่คลองใจแฟนเกมทั่วโลกในอดีต มุมมองการสร้างสรรค์ดั้งเดิมของ Chris Metzen อาจจะนำมาประกอบใช้กับยุคสมัยใหม่เพื่อสรรค์สร้าง Warcraft แฟรนไชส์ในอนาคตเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแฟนเกมที่เริ่มมองหาเนื้อเรื่องที่สุขุมและลึก ผสมผสานกับระบบเกมเพลย์ที่ดุดันทันสมัย หวังว่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับ Blizzard
ที่มา: https://gamerant.com