หลังจากเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมาไม่นานสำหรับเกม The Last of Us Part II ภาคต่อของเกมเอาชีวิตรอดในโลกที่มีเชื้อซอมบี้ระบาดที่สร้างโดยทีมพัฒนาชื่อดัง Naughty Dog Studio ที่เป็นสายตรงจากค่าย Sony เองเลย แต่ทว่าหลังจากเกมเปิดให้เล่นเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ตัวเกมก็ถูกแฟน ๆ วิจารณ์ในด้านลบกันเป็นจำนวนมาก ทั้งยังโหวตให้คะแนนเกมภาคใหม่นี้กันที่เฉลี่ย 3.4/10 กันอย่างพร้อมเพียง
The Last of US II เกมภาตต่อที่มีแฟนเกมทั่วโลกรอคอยกันมากที่สุดเกมหนึ่งเนื่องจากตัวเกมในภาคแรกนั้นได้รับความนิยมชนิดที่ว่า สูงชนเพดานของประเมิณของทั้งผู้พัฒนาอย่าง Naughty Dog Studio และผู้ออกทุนในการสร้างและจัดจำหน่าย Sony Interactive Entertainment ซึ่งตัวเกมในภาคแรกได้ทิ้งเนื้อเรื่องในตอนท้ายไว้เผื่อที่จะสร้างภาคต่ออยู่แล้ว และจากยอดขายรวมทั้งความนิยมของเกมภาคแรกที่สูงมากทำให้แผนการสร้าง The Last of Us Part II นั้นได้เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตัวเกมในภาค II นี้จะยังคงใช้เนื้อเรื่องยืนพื้นมาจากภาคแรก โดยตัวละครหลักของเกมจะถูกเปลี่ยนมาเป็น Ellie Williams แทนตัวละครหลักในภาคแรกอย่าง Joel Miller โดยในภาคนี้ Ellie ที่ตอนนี้อายุ 19 ปี เริ่มที่เริ่มจะมีความรู้สึกที่หลากหลายซับซ้อนมากขึ้นกว่าตอนเป็นเด็ก 14 ปีในภาคแรก และเนื้อเรื่องของเกมในภาคใหม่นี้ผู้สร้างได้เน้นไปที่ความอารมณ์รู้สึกในเรื่อง ความรัก และ ความแค้น ของ Ellie มากเป็นพิเศษซึ่งดูได้จากวิดีโอตัวอย่างที่ทาง Sony ได้ปล่อยออกมากในช่วงที่เกมยังไม่ออกซึ่งมันได้แสดงถึงอารมณ์ความรู้สึกเคียดแค้นของ Ellie อย่างชัดเจน และจากที่เป็นเกมใหญ่ระดับ AAA ที่มีแฟนเกมรอคอยกันเป็นจำนวนมาก ทาง Sony จึงได้ทุ่มเงินแคมเปญโฆษณาเพื่อโปรโมทเกมภาคใหม่ The Last of Us Part II ผ่านช่องทางต่าง ๆ มากมายเพื่อสร้างกระแสเกมดังกล่าวให้มีความน่าสนใจน่ารอคอยมากยิ่งขึ้น และเวลาต่อมาก็มีการหลุดของเนื้อหาเกมบางส่วนออกมาในโลก Social ซึ่งก็เป็นที่ฮือฮาเป็นอย่างมากแต่ทางผู้พัฒนาเกมก็ออกมาแถลงข่าวว่า ข้อมูลที่หลุดออกมานั้น มันยังไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของเกม ขอให้แฟน ๆ ไม่ต้องกังวล แต่สุดท้ายเมื่อเกมได้วางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วแทนที่จะได้รับคำชมจากแฟน ๆ ดังที่คาดไว้แต่กลับกลายเป็นว่า แฟนเกมจำนวนมากต่างแสดงความไม่พอใจต่อเกมและโหวตให้คะแนนเกมดังกล่าวนี้ต่ำมาก ๆ สวนทางกับคะแนนในรอบสื่อที่ส่วนใหญ่จะให้คะแนนไม่ต่ำกว่า 90/100 คะแนนเลยทีเดียว

ตามรายงานจากเว็บไซต์ VG24 /7 แจ้งว่ามีแฟนเกมกลุ่มใหญ่มากที่รู้สึกไม่ถูกใจเกม The Last of Us Part II และพร้อมใจกันโหวตให้คะแนนที่ภาษาเกมเรียกกันว่า Bombed Review (รีวิวแบบถล่มให้เละเทะ) ที่จากเดิมเคยได้คะแนน Review ไว้สูงถึงเฉลี่ย 95/100 คะแนน จากการรวมรวมของเว็บไซต์ Metacritic ซึ่งแฟนเกมที่ Bombed Review นั้นต่างให้คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3.4/10 คะแนน โดยบางส่วนจะวิจารณ์กันในด้านเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างวกวนสับสน เรื่องราวชีวิตดราม่าที่วนอยู่รอบตัว Joel, Ellie และ Abby ที่ไขว้กันไปมาวุ่นวายไปหมด รวมไปถึงยังมีฉาก Sex Scene ที่เหมือนจะเจตนายัดเยียดใส่เข้ามาในเกม ซึ่งทั้งหมดก็ยังเป็นเรื่องที่พอยอมรับกันได้เพราะเป็นเกมที่ขาย Story ของเกมเป็นหลัก แต่คำวิจารณ์ส่วนใหญ่จะโยงถึงเรื่องก่อนหน้านี้ ที่มีข่าวออกมาถึงเรื่องการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้จัดจำหน่ายที่กระทำต่อผู้พัฒนา ซึ่งทั้งหมดนี้ผลจึงออกมาเป็นคะแนนโหวตด้านลบจากแฟนเกมกลุ่มใหญ่อย่างที่มีข่าวดราม่าอยู่ในขณะนี้นั่นเอง ซึ่งดราม่าดังกล่าวนี้ส่งผลกระทบรุนแรงถึงขนาดที่ทาง Sony ได้ทำการซ่อน Like และ Dislike ในวิดีโอตัวอย่างล่าสุดของเกม The Last of Us Part II ใน youtube ไม่ให้ผู้ชมได้เห็นรวมถึงปิดช่อง Comment ไม่ให้แสดงความคิดเห็นกันเลยทีเดียว

แน่นอนว่าการ Bombed Review นั้นไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เคยมีเกมดัง ๆ ระดับ AAA เคยโดนกันมาแล้วอย่างเช่นเกม Warcraft 3: Reforged เกมระดับตำนวนจากค่าย Blizzard Entertainment ที่ได้คะแนนรีวิวรอบสื่อสูงมาก แต่พอเปิดให้บริการจริงดันไปปรับลดกราฟิกลงจนเกินงามทำให้โดน Bombed Review จากแฟนเกมเสียเละเทะไม่เหลือชื้นดี หรือในเกม No Man’s Sky ที่เนื้อหาเกมตอนเปิดให้บริการกลับเหมือนเกมที่ยังสร้างไม่เสร็จ:ซึ่งก็โดนถล่มอบ่างเละเทะเช่นเดียวกัน ซึ่งการ Bombed Review นี้ก็เปรียบเสมือนการประท้วงของกลุ่มแฟนเกมที่แสดงออกมาต่อเกมที่พวกเขาสนใจและซื้อหามาเล่นแต่ก็ต้องผิดหวังเพราะคุณภาพของเกมไม่ตรงกับที่ทางผู้พัฒนาได้โฆษณาไว้ รวมไปถึงประท้วงเรื่องในด้านอื่น ๆ ของเกมนั้น ๆ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ The Last of Us Part II กำลังเจออยู่ในขณะนี้ แต่ถึงแม้ว่าจะโดน Bombed Review เสียจนย่ำแย่ก็ตาม แต่สื่อส่วนใหญ่ก็ประเมิณว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อยอดขายของเกมมากมายนัก เนื่องจากเกมดังกล่าวได้รับความคาดหวังจากแฟนเกมสูงมาก ซึ่งส่วนใหญ่มีแนวโน้มว่าจะซื้อเกมดังกล่าวนี้อยู่ดีโดยไม่คำนึงถึงเสียงวิจารณ์และคะแนนโหวตที่ถูกปั่นจนต่ำกว่าเกม Indie บางเกมด้วยซ้ำ
ที่มา screenrant.com
